ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าดีดตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะพุ่งขึ้นในคืนนี้ ขานรับชัยชนะในการโต้วาทีของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต เหนือนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงเปิดทำการซื้อขายในคืนนี้ ขณะที่ตลาดซื้อขายพันธบัตรสหรัฐปิดทำการ เนื่องในวันโคลัมบัส
ณ เวลา 19.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 68 จุด หรือ 0.37% สู่ระดับ 18,225 จุด
ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่จัดทำโดยสำนักข่าว CNN/ORC ชี้ว่า นางฮิลลารีสามารถคว้าชัยชนะเหนือนายทรัมป์ ไปด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% ในการโต้วาทีรอบที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน รัฐมิสซูรี
ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.15% เมื่อวันศุกร์ (7 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่าตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย. ไม่ได้ต่ำมากเกินไปจนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นางโลเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐถึงแม้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ก็ยังคงถือว่ามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ส่วนนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนก.ย.ถือว่าใกล้เคียงกับตัวเลขที่เฟดต้องการ
นายฟิสเชอร์กล่าวว่า ถึงแม้ตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ แต่ก็สอดคล้องกับแนวโน้มการลดลงของการว่างงาน โดยสหรัฐกำลังเข้าใกล้ภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพ
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.0%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9%
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 252,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 275,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 167,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟด ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ได้เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 62.9% เทียบกับ 62.8% ในเดือนส.ค.