ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) ขานรับชัยชนะในการโต้วาทีครั้งที่ 2 ของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต เหนือนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมัน WTI ที่พุ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 51 ดอลลาร์/บาร์เรล อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันมีแนวโน้มปรับลดการผลิตในการประชุมเดือนหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,329.04 จุด เพิ่มขึ้น 88.55 จุด หรือ +0.49% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,328.67 จุด เพิ่มขึ้น 36.27 จุด หรือ +0.69% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,163.66 จุด เพิ่มขึ้น 9.92 จุด หรือ +0.46%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่จัดทำโดย CNN/ORC บ่งชี้ว่า นางฮิลลารีสามารถคว้าชัยชนะเหนือนายทรัมป์ ไปด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% ในการโต้วาทีรอบที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ตามเวลาไทย ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน รัฐมิสซูรี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 3% แตะที่ระดับกว่า 51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้กล่าวในที่ประชุมพลังงานโลก (World Energy Congress) ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวานนี้ว่า รัสเซียพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการจำกัดเพดานการผลิตน้ำมัน พร้อมระบุว่า มาตรการตรึงการผลิต หรือ ลดการผลิตนั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมในการรักษาเสถียรภาพของตลาดพลังงานโลก
ขณะที่นายคาหลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบีย ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะสามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต ในการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 30 พ.ย.
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน นำโดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2% ส่วนหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 33.7%
หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากมีรายงานข่าวว่า บริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง ออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า ทางบริษัทได้ปรับแผนการผลิตสมาร์ทโฟน Galaxy Note 7 หลังมีข่าวว่าสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวบางเครื่องยังคงเกิดไฟลุกไหม้ แม้ว่าทางบริษัทได้เปลี่ยนเครื่องใหม่แล้วก็ตาม
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ดีดตัวขึ้น หลังจากมายแลน อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ยอมตกลงจ่ายเงิน 465 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความที่ทางบริษัทได้กำหนดราคายา "EpiPen" ในอัตราที่สูงเกินไป โดยยาดังกล่าวใช้รักษาอาการแพ้ขั้นรุนแรง ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นมายแลน ปรับตัวขึ้น 8.2% ส่วนหุ้นทวิตเตอร์ยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยร่วงลงอีก 12% เมื่อคืนนี้ หลังจากมีกระแสข่าวว่า บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ซึ่งรวมถึง กูเกิล, แอปเปิล และดิสนีย์ ต่างก็ไม่มีแผนที่จะเสนอราคาประมูลซื้อกิจการของทวิตเตอร์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน