ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของเราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 53.11 จุด หรือ 0.75% แตะที่ 7,097.50 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ หลังจากนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และนายคาหลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบีย ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าจะให้ความร่วมมือในข้อตกลงปรับลดเพดานการผลิตน้ำมัน
นอกจากนี้ นายปูตินยังกล่าวด้วยว่า "เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว การตรึงการผลิต หรือ ลดการผลิตนั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมในการรักษาเสถียรภาพของตลาดพลังงานโลก" พร้อมกับแสดงความคาดหวังว่า ที่ประชุมโอเปกจะสามารถยืนยันการตัดสินใจในการกำหนดโควตาของประเทศสมาชิกในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.
หุ้นหลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ที่พุ่งขึ้น 2.8% ในขณะที่หุ้นบีพีเพิ่มขึ้น 1.7%
หุ้นอีซีเจ็ทร่วงลง 2.3% หลังจากนักวิเคราะห์ของโซซิเอเต เจเนอราล เอสเอ แนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นของบริษัท
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน และหุ้นริโอ ทินโต ต่างก็พุ่งขึ้นมากกว่า 2% เพราะได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินปอนด์