ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ได้เปิดเผยผลประกอบการที่ผันผวน นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทำกำไรหลังจากตลาดปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และหลังจากประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณขยายระยะเวลาการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ระดับ 344.29 จุด ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากวันพฤหัสบดี
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,536.07 จุด ลดลง 4.05 จุด หรือ -0.09% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,710.73 จุด เพิ่มขึ้น 9.34 จุด หรือ +0.09% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,020.47 จุด ลดลง 6.43 จุด หรือ -0.09%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาผันผวน โดยหุ้น SAP SE ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์ พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้และยอดขาย ขณะที่หุ้นอีริคสัน ดิ่งลง 5.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 26.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 3
ส่วนหุ้นเดมเลอร์ เอจี ร่วงลง 2.1% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้
หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค (BAT) ซึ่งเป็นบริษัทยาสูบข้ามชาติรายใหญ่จากอังกฤษ ร่วงลง 2.9% หลังจากมีรายงานว่าบริติช อเมริกัน โทแบคโค เสนอซื้อหุ้นของเรย์โนลด์ อเมริกัน อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาสูบสหรัฐ มูลค่า 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยผู้ถือหุ้นเรย์โนลด์จะได้รับค่าตอบแทนในรูปเงินสดและหุ้นของ BAT
หุ้นเบอร์เบอร์รี ทะยานขึ้น 3.1% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทโคช อิงค์ กำลังพิจารณายื่นข้อเสนอควบรวมกิจการกับเบอร์เบอร์รี
นอกจากนี้ นักลงทุนได้เทขายทำกำไรหลังจากตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยปัจจัยส่วนใหญ่มาจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และหลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่า ECB อาจจะขยายระยะเวลาในการใช้ QE