ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ผันผวน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ปรับตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,169.27 จุด ลดลง 53.76 จุด หรือ -0.30% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,283.40 จุด ลดลง 26.43 จุด หรือ -0.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,143.16 จุด ลดลง 8.17 จุด หรือ -0.38%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลง หลังจาก Conference Board เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 98.6 ในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับ 104.1 ในเดือนก.ย. โดย Conference Board ได้ทำการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะธุรกิจ, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะอยู่ที่ระดับ 101.5 ในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ผันผวนของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสหรัฐ โดยหุ้นเวิร์ลพูล คอร์ป ทรุดฮวบลง 10.78% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาดในไตรมาส 3 และยังได้ปรับลดแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ลงด้วย
หุ้นแคเทอร์พิลลาร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 1.76% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 9.16 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 9.8 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
ส่วนหุ้นเมิร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 1.98% หลังจากเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่สูงกว่าคาดการณ์ในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายวัคซีน และยาที่ใช้รักษาโรคมะเร็งที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจากการใช้มาตรการลดค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ เมิร์คเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรสุทธิ 2.18 พันล้านดอลลาร์ หรือ 78 เซนต์/หุ้น โดยสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 1.83 พันล้านดอลลาร์ หรือ 64 เซนต์/หุ้น และหากไม่นับรวมรายการพิเศษ ทางบริษัทมีกำไร 1.07 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 98 เซนต์/หุ้น
หุ้น 3M ร่วงลง 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ค่อนข้างทรงตัว และยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก ปรับตัวขึ้น 3.41% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 2.71 พันล้านดอลลาร์ หรือ 96 เซนต์/หุ้น โดยสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 2.6 พันล้านดอลลาร์ หรือ 91 เซนต์/หุ้น
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนต.ค.โดยมาร์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.