ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นธนาคารของอิตาลี ซึ่งปัจจัยลบดังกล่าวได้สกัดแรงบวกจากรายงานที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนต.ค.ของเยอรมนีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 343.07 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,540.84 จุด ลดลง 11.74 จุด หรือ -0.26% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,757.31 จุด ลดลง 3.86 จุด หรือ -0.04% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,017.64 จุด เพิ่มขึ้น 31.24 จุด หรือ +0.45%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังจากหุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีร่วงลงอย่างหนัก ภายหลังจากมีรายงานว่า ธนาคาร Banca Monte dei Paschi di Siena ของอิตาลีได้ธนาคารประกาศปรับลดจำนวนพนักงานลง 2,600 ตำแหน่ง รวมทั้งปิดสาขาต่างๆ 500 สาขา และลดขนาดของธุรกิจลง
ทั้งนี้ หุ้นธนาคาร Unione di Banche Italiane SpA ร่วงลง 3.7% และหุ้นธนาคาร Banca Popolare dell’Emilia Romagna ดิ่งลง 4.2%
การร่วงลงของหุ้นธนาคารอิตาลีได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานของ Ifo สถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีพุ่งขึ้นในเดือนต.ค. แตะที่ระดับ 110.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี จากระดับ 109.5 ในเดือนก.ย.
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนต.ค.จะอยู่ที่ระดับ 109.6
Ifo ระบุว่า ภาคการผลิตของเยอรมนีขยายตัวด้วยอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีในเดือนต.ค. เนื่องจากบริษัทต่างๆเพิ่มการจ้างงานเพื่อตอบสนองอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากสหรัฐและเอเชีย
ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ปรับตัวขึ้น 4.6% หุ้นอันโตฟากัสตา เพิ่มขึ้น 3% และหุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 4.5%