ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่อ่อนตัวลงในการซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการสอบสวนการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตในสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความผันผวนก่อนหน้าที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 8 พ.ย.นี้
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 22,984.41 จุด เพิ่มขึ้น 29.60 จุด, +0.13% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,672.32 จุด เพิ่มขึ้น 2.05 จุด, +0.12% *ส่วนตลาดหุ้นอินเดียปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวัน Diwali Balipratipada
ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวเอบีซี/วอชิงตันโพสต์ระบุว่า คะแนนนิยมของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต นำหน้านายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน เพียงเล็กน้อย หลังจากมีรายงานข่าวว่า สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี
ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่า คะแนนนิยมของนางฮิลลารีอยู่ที่ 46% ขณะที่คะแนนนิยมของนายทรัมป์อยู่ที่ 45% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า คะแนนนิยมของฮิลลารีลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว ที่คะแนนของฮิลลารีนำหน้าทรัมป์อยู่ถึง 12 แต้ม
คะแนนนิยมของนางฮิลลารีได้รับแรงกดดันหลังจากนายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการ FBI ระบุว่า พบอีเมลใหม่ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับคดีของนางฮิลลารี ทั้งที่ทางกระทรวงยุติธรรมปิดคดีไปแล้วเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ได้ตอกย้ำความวุ่นวายที่มีอยู่ในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า เทรดเดอร์พากันกังวลเกี่ยวกับเรื่องปัญหาอีเมลของนางฮิลลารีกันตั้งแต่ต้นสัปดาห์ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ก่อนหน้านี้บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่นางฮิลลารีจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนรอดูความคืบหน้าเกี่ยวกับการสอบสวนและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งเอเชียที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานเบื้องต้นในวันนี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมทรงตัว ในเดือนก.ย. เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของการผลิตเครื่องจักรและยานยนต์นั้น ได้ถูกกดันจากการปรับตัวลงของยอดการผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก
ดัชนีการขนส่งในภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 1.1% แตะที่ 95.7 ขณะที่ดัชนีสต็อกสินค้าคงคลังในภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.4% แตะที่ 111.0
ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 เนื่องจากรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนลดลง และผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นที่มีจำนวนมากผิดปกติในปีนี้