ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการ, ตัวเลขเศรษฐกิจ, การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 20.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 18,150.09 จุด บวก 5.55 จุด หรือ 0.02%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวนำตลาดวันนี้ ขณะกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง
หุ้นเชฟรอนช่วยหนุนตลาดมากที่สุดในวันนี้
นายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ส่งหนังสือไปยังสภาคองเกรสเมื่อวันศุกร์ โดยระบุว่า FBI พบอีเมล์ใหม่ของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ซึ่งพัวพันกับคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัว แม้ว่า FBI ประกาศปิดคดีดังกล่าวไปในเดือนก.ค.ก็ตาม
การเปิดเผยเรื่องดังกล่าว ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ว่า FBI อาจจะรื้อฟื้นคดีดังกล่าวของนางฮิลลารีขึ้นมาใหม่ ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.
ผลสำรวจ CNBC Fed Survey พบว่า นักวิเคราะห์ที่ถูกสำรวจทั้ง 100% เชื่อว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. แต่จะดำเนินการดังกล่าวในการประชุมในวันที่ 13-14 ธ.ค.
นักวิเคราะห์จำนวน 55% ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้เฟดไม่ต้องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ย. โดยเฟดไม่ต้องการที่จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง
ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.09% ภายในช่วงสิ้นปีหน้า และระดับ 1.81% ในช่วงสิ้นปี 2018 โดยตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวลดลงจากเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์ยังคาดว่าเฟดจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อแตะระดับ 2.4% โดยคาดว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับดังกล่าวในไตรมาสแรกของปี 2019
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ 82% คาดว่านางฮิลลารีจะชนะการเลือกตั้ง สูงกว่าระดับ 51% จากการคาดการณ์ในเดือนก.ย. ขณะที่จำนวน 62% มองว่านโยบายของนางฮิลลารีจะเอื้อประโยชน์ดีที่สุดต่อตลาดหุ้น
การสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นในช่วงวันที่ 27-29 ต.ค.
บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร 1.32 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 โดยลดลง 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ไฟเซอร์ระบุว่า บริษัทมีกำไร 21 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 3
หากไม่รวมค่าใช้จ่ายในรายการพิเศษ และค่าใช้จ่ายด้านการควบรวมกิจการ บริษัทมีกำไร 62 เซนต์/หุ้น โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 62 เซนต์
นอกจากนี้ รายได้ของบริษัทร่วงลง สู่ระดับ 1.305 หมื่นล้านดอลลาร์ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้