ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) หลังจากผลสำรวจของหลายสำนักบ่งชี้ว่า คะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน เริ่มตีตื้นขึ้นมานำแซงหน้านางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 331.55 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,370.93 จุด ร่วงลง 155.23 จุด หรือ -1.47% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,414.67 จุด ลดลง 55.61 จุด หรือ -1.24% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,845.42 จุด ลดลง 71.72 จุด หรือ -1.04%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงหลังจากผลสำรวจหลายสำนักบ่งชี้ว่า คะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันเริ่มตีตื้นขึ้นมานำแซงหน้านางฮิลลารี อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า FBI เตรียมรื้อฟื้นคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี
นักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์สคาดการณ์ว่า หากผลสำรวจคะแนนนิยมของนายทรัมป์ พุ่งแตะระดับ 50% ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลง 4-5% และหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย. ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ทรุดตัวลงถึง 10-11%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบดิ่งลงอย่างหนัก ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดิ่งลง 5.3% หุ้นซับซี ร่วงลง 4.3% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวลง 2.8%
มลเลอร์-เมอร์สก์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งทางเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 7.2% หลังจากกำไรของบริษัทได้ทรุดตัวลงในไตรมาส 3 โดยถูกกระทบจากอัตราค่าระวางที่ดิ่งลงถึง 16% เมื่อเทียบรายปี
ทั้งนี้ โมลเลอร์-เมอร์สก์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิดิ่งลง 43% สู่ระดับ 438 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 โดยลดลงจากระดับ 778 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 490 ล้านดอลลาร์