ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐและแรงเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 71.72 จุด หรือ 1.04% แตะที่ 6,845.42 จุด
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนมีความวิตกกังวลว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์หน้า
คะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันเริ่มตีตื้นขึ้นมานำแซงหน้านางฮิลลารี อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า FBI เตรียมรื้อฟื้นคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี
นักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์สคาดการณ์ว่า หากผลสำรวจคะแนนนิยมของนายทรัมป์ พุ่งแตะระดับ 50% ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลง 4-5% และหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย. ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ทรุดตัวลงถึง 10-11%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากการแรงเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 14.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 482.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 2.8% ในขณะที่หุ้นบีพีลดลง 1%
หุ้นเพอร์ไซมอน ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอังกฟษเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากคาดว่า บริษัทจะมีมาร์จิ้นกำไรเพิ่มขึ้นในในช่วงครึ่งปีแรก
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษซึ่งจะมีขึ้นในช่วงต่อไปของวันนี้