ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) โดยหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ จะผ่อนคลายกฎข้อบังคับด้านการกำหนดราคายาในสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.5% ปิดที่ 339.81 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,630.12 จุด ลดลง 15.89 จุด หรือ -0.15% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,530.95 จุด ลดลง 12.53 จุด หรือ -0.28% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,827.98 จุด ลดลง 83.36 จุด หรือ -1.21%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นขานรับมุมมองที่ว่า คณะทำงานของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎข้อบังคับด้านการกำหนดราคายา ซึ่งตรงข้ามกับฮิลลารีที่พยายามเดินหน้าควบคุมราคายามาโดยตลอด
ทั้งนี้ ความคาดหวังดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นไชร์ พุ่งขึ้น 8.3% หุ้นฮิคมา ฟาร์มาซูติคัล พุ่งขึ้น 6.1% หุ้นบีบี ไบโอเทค ทะยานขึ้น 13% และหุ้นโนโว นอร์ดิค ปรับตัวขึ้น 4.1%
หุ้นกลุ่มเหมืองทองคำปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 11% หุ้นแรนโกลด์ รีซอส ปรับขึ้น 5% และหุ้นเซนทามิน พุ่งขึ้น 6.3%
ตลาดการเงินทั่วโลก และผู้นำของประเทศต่างๆ ยังคงขานรับชัยชนะของนายทรัมป์ โดยนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ออกมายืนยันความสัมพันธ์เป็นพิเศษระหว่างอังกฤษและสหรัฐ ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
ทั้งนี้ นางเมย์ยังแสดงความหวังว่าจะเพิ่มการค้าและการลงทุนทวิภาคีกับทางสหรัฐ ขณะที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ทางด้านนายทรัมป์กล่าวว่า อังกฤษถือเป็นสถานที่พิเศษมากสำหรับเขา และประเทศสหรัฐ