ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ แต่อ่อนตัวลงในเวลาต่อมา โดยบรรยากาศซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนหน้า
CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในปีนี้ และครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี
นักลงทุนจับตาคำกล่าวของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในคืนนี้ เพื่อหาสิ่งบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ณ เวลา 21.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 18,882.11 จุด ลดลง 25.44 จุด หรือ 0.13%
หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) เป็นหุ้นที่ฉุดตลาดลงมากที่สุดในวันนี้
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวสนับสนุนการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า และตั้งข้อสังเกตุถึงทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า
"ขณะนี้ ตลาดมีการคาดการณ์อย่างมากว่า FOMC จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งผมก็โน้มเอียงสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว" เขากล่าว
นายบูลลาร์ดกล่าวเสริมว่า "ผมคิดว่าปัญหาขณะนี้อยู่ที่ปี 2017 มากกว่า"
คำกล่าวของนายบูลลาร์ดในวันนี้ สอดคล้องกับที่เขากล่าวเมื่อวันพุธว่า จะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ถ้าหากเฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
นายบูลลาร์ดระบุว่า เหตุผลเดียวที่จะทำให้เฟดระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. ก็คือการที่ตลาดการเงินโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง หรือสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่อย่างมาก
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสวานนี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในไม่ช้า และจะมีความเสี่ยง หากเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากจะทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต