ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบ 2 ปี และราคาบ้านที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวในกรอบแคบๆ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงเกือบ 4% ก่อนที่การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะมีขึ้นในวันนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,121.60 จุด เพิ่มขึ้น 23.70 จุด หรือ +0.12% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,379.92 จุด เพิ่มขึ้น 11.11 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,204.66 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด หรือ +0.13%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของจีดีพีประจำไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 3.2% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 2 ปี และสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.9% โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของยอดส่งออกและการใช้จ่ายผู้บริโภค
ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีราคาบ้านของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2006 ส่วนทางด้าน Conference Board รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 107.1 ในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 101.2
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพได้รับแรงซื้ออย่างคึกคัก โดยหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ พุ่งขึ้น 3.6% หุ้นอเล็กเซียน ฟาร์มาซูติคัลส์ พุ่งขึ้น 5% หุ้น AbbVie ดีดตัวขึ้น 3.6% หุ้นเอ็ทนา ปรับตัวขึ้น 2.8%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพปรับตัวขึ้นหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เสนอชื่อนายทอม ไพร์ซ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข โดยนายไพร์ซมีจุดยืนที่ต่อต้านกฎหมายประกันสุขภาพ (Affordable Care Act) ซึ่งริเริ่มโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา และอาจจะได้รับมอบหมายจากคณะทำงานของนายทรัมป์ให้เป็นผู้คว่ำกฎหมายดังกล่าว
หุ้นทิฟฟานี ผู้จำหน่ายอัญมณีชื่อดังของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่งในเอเชีย
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวในกรอบแคบๆ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงเกือบ 4% ก่อนที่การประชุมโอเปกจะมีขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางความขัดแย้งในประเด็นการปรับลดการผลิตน้ำมัน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ต่างก็ร่วงลงกว่า 1%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP, การใช้จ่าย-รายได้ส่วนบุคคลเดือนต.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)