ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนตัวลงในวันนี้ โดยนักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ท่ามกลางการซื้อขายอย่างระมัดระวัง ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.
ณ เวลา 21.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 19,200.09 จุด ลดลง 16.15 จุด หรือ 0.08%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานวันนี้ว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนต.ค. เนื่องจากการส่งออกที่ลดลง
ทั้งนี้ สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 17.8% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 4.26 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากอยู่ที่ระดับ 3.62 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.18 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.
สหรัฐส่งออกสินค้าและบริการลดลง 1.8% สู่ระดับ 1.864 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ขณะที่นำเข้าสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 1.3% สู่ระดับ 2.290 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2015
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปีในไตรมาส 3
ทั้งนี้ ประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งวัดผลผลิตต่อชั่วโมงของแรงงาน พุ่งขึ้นในอัตรา 3.1% ในไตรมาส 3 หลังจากปรับตัวลง 3 ไตรมาสติดต่อกัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้นในอัตรา 3.3% ในไตรมาส 3
ผลผลิตต่อแรงงานพุ่งขึ้น 3.6% ในไตรมาส 3 โดยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปี หลังจากอยู่ที่ระดับ 1.6% ในไตรมาส 2
ส่วนต้นทุนแรงงานต่อหน่วย ซึ่งเป็นมาตรวัดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สำคัญ เพิ่มขึ้น 0.7% ในไตรมาส 3
การซื้อขายในตลาดแทบไม่ได้รับผลกระทบจากการลงประชามติในอิตาลี ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ออกแถลงการณ์ระบุว่า การลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญในอิตาลี จะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ เนื่องจากการลงประชามติดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบเฉพาะหน้าต่องบประมาณ หรือสถานะการคลังของอิตาลี
อย่างไรก็ดี นักลงทุนจับตา Monte dei Paschi di Siena ซึ่งเป็นธนาคารอิตาลีที่มีสถานะการเงินย่ำแย่ที่สุดในประเทศ ขณะที่กำลังเผชิญปัญหาในการโน้มน้าวให้กองทุนการลงทุนจากกาตาร์อัดฉีดเงินจำนวน 1 พันล้านยูโรให้แก่ทางธนาคาร ตามแผนการเพิ่มทุน 5 พันล้านยูโร เนื่องจากไม่มั่นใจต่อเสถียรภาพทางการเมืองในอิตาลี หลังผลการลงประชามติพบว่าประชาชนส่วนใหญ่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งส่งผลให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออกจากตำแหน่ง