ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะขยายเวลาการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมวันนี้ เพื่อยับยั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการลงประชามติในอิตาลี นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารยังช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.9% ปิดที่ 347.70 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,986.69 จุด พุ่งขึ้น 211.37 จุด หรือ +1.96% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,694.72 จุด เพิ่มขึ้น 62.78 จุด หรือ +1.36% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,902.23 จุด เพิ่มขึ้น 122.39 จุด หรือ +1.81%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ หลังจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ECB จะขยายเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ออกไปอีก 6 เดือน ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้ โดยจะให้มาตรการดังกล่าวสิ้นสุดในเดือนก.ย.2017 จากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนมี.ค.2017 ขณะที่ ECB จะยังคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า การขยายเวลามาตรการ QE ในครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะสกัดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการลงประชามติในอิตาลี โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ชาวอิตาลีส่วนใหญ่ลงประชามติคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้นายมัตเตโอ เรนซี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการแก้ไขปัญหาในภาคธนาคารของอิตาลี รวมทั้งจะบั่นทอนเสถียรภาพทางการเงินของยุโรปในที่สุด
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางรายยังคาดว่า ECB อาจจะทำการผ่อนคลายข้อกำหนดในการซื้อพันธบัตร โดยจะอนุญาตให้สามารถเข้าซื้อพันธบัตรที่มีผลตอบแทนต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก รวมทั้งสามารถเข้าซื้อพันธบัตรที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นเครดิต สวิส พุ่งขึ้น 7.4% หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง พุ่งขึ้น 3.9% หุ้นเครดิต อากริโคล ดีดตัวขึน้ 0.9%
ส่วนหุ้นธนาคารของอิตาลีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Monte dei Paschi di Siena (BMPS) พุ่งขึ้นกว่า 10% หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลอิตาลีเตรียมหาลู่ทางที่จะให้ความช่วยเหลือธนาคารแห่งนี้ ขณะที่หุ้นยูนิเครดิต พุ่งขึ้น 9.4%