ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ยังคงดีดตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ต่อเนื่องจากที่ได้ทะยานขึ้นหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังได้ขานรับผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อคืนนี้ ซึ่งมีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 9 เดือน
ณ เวลา 21.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 19,639.12 จุด เพิ่มขึ้น 23.18 จุด หรือ 0.13%
ดัชนีดาวโจนส์ได้ปรับตัวในแดนบวกเป็นเวลา 19 วันจาก 23 วันนับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และสามารถปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นจำนวน 13 วัน
ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มทะยานขึ้น 2% ในสัปดาห์นี้ แม้เผชิญปัจจัยถ่วงตลาดจากการลงประชามติในอิตาลี และการที่ ECB เตรียมปรับลดวงเงิน QE นับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีหน้า
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาด ตามราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้น ขณะที่หุ้นแอปเปิลช่วยหนุนตลาดมากที่สุดในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จากการคาดการณ์ในเชิงบวกต่อผลการประชุมระหว่างกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มในวันพรุ่งนี้
ณ เวลา 20.32 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ หรือ 1.12% สู่ระดับ 51.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ขณะที่ CME Group FedWatch ระบุว่า การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 98% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในปีนี้ และครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี