ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 39.58 จุด หลังราคาน้ำมันพุ่งหนุนหุ้นพลังงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 13, 2016 06:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 6 วันทำการ เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% ขานรับข่าวที่ว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงปรับลดกำลังการผลิต ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นร่วมกับกลุ่มโอเปกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ปิดในแดนลบ เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,796.43 จุด เพิ่มขึ้น 39.58 จุด หรือ +0.20% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,412.54 จุด ลดลง 31.96 จุด หรือ -0.59% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,256.96 จุด ลดลง 2.57 จุด หรือ -0.11%

ดัชนีดาวโจนส์ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.2% และหุ้นเชฟรอน ปรับตัวขึ้น 1.2%

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นถึง 2.6% เมื่อคืนนี้ ขานรับข่าวที่ว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิก 13 ประเทศนั้น ได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งแม้ว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายเบื้องต้นที่กำหนดไว้ที่ 600,000 บาร์เรล/วัน แต่ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศนอกกลุ่มโอเปกได้ปรับลดการผลิตลงมากที่สุด ซึ่งในจำนวนนี้ รัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตลง 300,000 บาร์เรลต่อวัน โดยจะปรับลดอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า

ความสำเร็จของการประชุมระหว่างกลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกซึ่งมีขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ และยังมีขึ้นหลังจากที่กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ระดับ 33.8 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ และ S&P500 ปิดลบ เพราะได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มเทคโยโลยี โดยหุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.6% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.6% และหุ้น Amazon.com ปรับตัวลง 1.1%

หุ้นเวียคอม อิงค์ ดิ่งลง 9.4% หลังจากมีรายงานว่านายชารี เรดสโตน รองประธานบริษัทเวียคอม ได้ยกเลิกการสนับสนุนการควบรวมกิจการกับซีบีเอส คอร์ป

หุ้นทเวนตี้ เฟิร์สท์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ร่วงลงกว่า 6% หลังจากมีรายงานว่า บริษัททเวนตี้ เฟิร์สท์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ของนายรูเพิร์ท เมอร์ดอค ได้ยื่นข้อเสนอวงเงิน 1.41 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อหุ้นในส่วนที่เหลือของบริษัทสกาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเพย์ทีวีของยุโรป

นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ขณะที่ผลสำรวจของ CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 98% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ