ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ หลังจากมีรายงานว่า บริษัทซาโนฟี เอสเอ ผู้ผลิตยารายใหญ่ของฝรั่งเศส มีความคืบหน้าในการเจรจาซื้อกิจการบริษัทแอคเทเลียน ฟาร์มาซูติคัลส์ ผู้ผลิตยาของสวิตเซอร์แลนด์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.3% ปิดที่ 360.02 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,833.27 จุด เพิ่มขึ้น 14.04 จุด หรือ +0.29% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,404.01 จุด เพิ่มขึ้น 37.61 จุด หรือ +0.33% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,011.64 จุด เพิ่มขึ้น 12.63 จุด หรือ +0.18%
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่า ซาโนฟี เอสเอ มีความคืบหน้าในการเจรจาซื้อกิจการแอคเทเลียน ฟาร์มาซูติคัลส์ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นแอคเทเลียน ฟาร์มาซูติคัลส์ พุ่งขึ้น 10% และยังส่งผลให้หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นลอนซา กรุ๊ป ผู้ผลิตยาของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้นกว่า 4% หุ้นอินดิเวียร์ ปรับขึ้น 4.8% หุ้นยูซีบี เอสเอ ผู้ผลิตยาของเบลเยียม ดีดตัวขึ้น 2.5% และหุ้นฮิคมา ฟาร์มาซูติคอล พุ่งขึ้น 2.6%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด และยังได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้า โดยหุ้นธนาคาร Monte dei Paschi (MPS) ของอิตาลีปรับตัวขึ้น 3% แต่หุ้นบังเกีย ร่วงลง 2.4% หุ้นยูบีเอส ร่วงลง 1.2% และหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ดิ่งลง 1.2%
ทั้งนี้ หุ้น MPS ได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ทางการอิตาลีเตรียมจัดหาเงินมูลค่า 1.5 หมื่นล้านยูโร เพื่อให้ความช่วยเหลือ MPS หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ปฏิเสธที่จะขยายเส้นตายในการดำเนินการเพิ่มทุนของทาง MPS เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้ทางธนาคารไม่สามารถทำข้อตกลงได้ ก่อนที่จะมีรัฐบาลชุดใหม่