ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่า เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกีถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและตุรกี
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.1% ปิดที่ 359.59 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,822.77 จุด ลดลง 10.50 จุด, -0.22% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 11,426.70 จุด เพิ่มขึ้น 22.69 จุด, +0.20% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,017.16 จุด เพิ่มขึ้น 5.52 จุด, +0.08%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นดอยซ์แบงก์ 4.5% หลังจากมีข่าวว่าธนาคารอาจบรรลุข้อตกลงในสัปดาห์นี้ในการเจรจาลดค่าปรับกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2551
หุ้นธนาคาร Monte dei Paschi di Siena ของอิตาลี ดิ่งลง 11% หลังจากธนาคารพยายามขายหุ้นเพื่อระดมทุนมูลค่า 5 พันล้านยูโร เพื่อประคองธุรกิจไปจนถึงปลายปีนี้
ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า นายอังเดร คาร์ลอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี ได้เสียชีวิตจากการถูกยิงในกรุงอังการา ในขณะที่เขากำลังกล่าวเปิดงานแสดงศิลปะแห่งหนึ่ง
เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและตุรกี หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีความขัดแย้งในซีเรีย โดยรัสเซียมีจุดยืนสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย ขณะที่ตุรกีต้องการที่จะให้เขาออกจากตำแหน่ง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุโจมตีในเยอรมนี หลังจากที่มีชายคนหนึ่งขับรถบรรทุกพุ่งเข้าใส่ฝูงชนในตลาดที่กำลังจัดงานฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่กรุงเบอร์ลิน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน และบาดเจ็บจำนวนมาก
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า เหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย