ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงขายทำกำไร ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 32.66 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 22, 2016 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ปิดลบติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดขานรับรายงานที่ว่า ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบเกือบ 10 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,941.96 จุด ลดลง 32.66 จุด หรือ -0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,471.43 จุด ลดลง 12.51 จุด หรือ -0.23% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,265.18 จุด ลดลง 5.58 จุด หรือ -0.25%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนตัวเข้าใกล้แนวต้านเส้นสำคัญที่ระดับ 20,000 จุด อันเนื่องมาจากถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แสดงความเชื่อมั่นต่อตลาดแรงงานสหรัฐ และจากการที่หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง 1.5% หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับตัวลง

นักวิเคราะห์คาดว่าภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กจะผันผวนในระยะนี้ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายเบาบางลง จากการที่นักลงทุนเริ่มทยอยกันออกไปอยู่นอกตลาดในช่วงใกล้วันหยุดเทศกาลคริสต์มาส

อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ที่ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.61 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2007 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.0% สู่ระดับ 5.50 ล้านยูนิต

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวขึ้นนั้น มาจากการที่ผู้ซื้อเร่งเข้าซื้อบ้าน เนื่องจากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะพุ่งขึ้นต่อไป จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ มีแนวโน้มกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหญ่

หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพร่วงลงหนักสุด โดยหุ้นเซลจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารักษาโรคมะเร็ง ดิ่งลง 2.3% หุ้นเมอร์ค ร่วงลง 1.8% ขณะที่หุ้นแอนเธม ซึ่งเป็นบริษัทประกันด้านสุขภาพ ร่วงลง 1.8%

หุ้นโคคา-โคลา ปรับตัวลง 0.2% ขณะที่หุ้นเอบี อินเบฟ ดีดตัวขึ้น 0.6% หลังจากมีรายงานว่า โคคา-โคลา เข้าซื้อหุ้น 54.5% ในบริษัทโคคา-โคลา เบเวอเรจ แอฟริกา จากบริษัทเอบี อินเบฟ ในวงเงิน 3.15 พันล้านดอลลาร์

หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 4.7% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวผู้บริหารหลายคนของทวิตเตอร์ได้ประกาศลาออก

หุ้นเฟ็ดเอ็กซ์ ดิ่งลง 3.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ต่ำกว่าคาด

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., จีดีพีในไตรมาส 3/2559 (ตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้าย), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์, การใช้จ่าย-รายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน และ ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ