ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงหลังจากบริษัทเน็กซ์ พีแอลซี เปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนมีการขยายตัวได้ดีในเดือนธ.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 365.26 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,584.31 จุด เพิ่มขึ้น 0.07 จุด หรือ +0.00% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,899.40 จุด เพิ่มขึ้น 0.07 จุด หรือ +0.00% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,189.74 จุด เพิ่มขึ้น 11.85 จุด หรือ +0.17%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกหลังจากมาร์กิต อิโคโนมิคส์ ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีรวมภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนในเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ 54.4 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากระดับ 53.9 เมื่อเดือนพ.ย.
รายงานของมาร์กิตระบุว่า ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการยูโรโซนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขเบื้องต้น นำโดยกิจกรรมในภาคการผลิต ส่วนภาคบริการได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งเช่นกัน สำหรับประเทศสมาชิกยูโรโซนที่เศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดได้แก่ สเปน ตามมาด้วยเยอรมนี
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นเครดิต สวิส พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นยูบีเอส กรุ๊ป ดีดขึ้น 2.5% และหุ้นดอยซ์แบงก์ พุ่งขึ้น 3.1%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง หลังจากบริษัทเน็กซ์ พีแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าแฟชั่นรายใหญ่ของอังกฤษ เปิดเผยยอดขายลดลงและยังได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการในปี 2560 ทั้งนี้ หุ้นเน็กซ์ ร่วงลง 14% หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ดิ่งลง 6.1% หุ้นเบอร์เบอร์รี่ กรุ๊ป ร่วงลง 2.1%