ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) หลังจากบริษัทรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงสายการบินลุฟฮันซา ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกกอบการ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากการพุ่งขึ้นของหุ้นเฟียต ไครสเลอร์ หลังจากบริษัทประกาศทุ่มเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาโรงงานผลิตรถยนต์ในสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 363.67 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,887.57 จุด ลดลง 22.27 จุด หรือ -0.45% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,563.99 จุด ลดลง 35.02 จุด หรือ -0.30% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,237.77 จุด เพิ่มขึ้น 27.72 จุด หรือ +0.38%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทเอกชน หลังจากที่สายการบินดอยช์ ลุฟฮันซา เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นในปีนี้ โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นดอยช์ ลุฟฮันซา ร่วงลง 5.8%
หุ้นฟรีเซเนียน เมดิคอล แคร์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์ไตเทียม ร่วงลง 6.8% หลังจากบริษัทระบุว่า ธุรกิจในสหรัฐอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายด้านสุขภาพ
หุ้นวิลเลียม ฮิลล์ ดิ่งลง 2.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการปี 2559 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์
อย่างไรก็ตาม หุ้นเฟียต ไครสเลอร์ ปรับตัวขึ้น 1.4% หลังจากบริษัทประกาศทุ่มเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในการปรับปรุงและพัฒนาโรงงานผลิตรถยนต์ในรัฐมิชิแกน และโอไฮโอ โดยการปรับปรุงโรงงานครั้งใหญ่นี้จะช่วยให้เกิดการจ้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง
นายเซอร์จิโอ มาร์ชิออนเน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เฟียต ไครสเลอร์ ออโตโมบิลส์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมรถยนต์จำเป็นต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับกลยุทธ์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ