ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) ทว่าดัชนี NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการ ขณะที่บริษัทหลายแห่งในสหรัฐก็ได้เปิดเผยผลประกอบการ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 5.27 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 19,885.73 จุด ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 4.20 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 2,274.64 จุด ดัชนี NASDAQ บวก 26.63 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 5,574.12 จุด
สำหรับตลอดสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.4% ดัชนี S&P500 ขยับลง 0.1% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 1.0%
หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 0.53% หลังจากทางธนาคารเผยว่ามีกำไรและรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีรายได้ 2.433 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.71 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4 มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.395 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.44 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 0.39% หลังจากทางธนาคารเผยว่ามีกำไรในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แม้ว่ารายได้จะต่ำกว่าคาด โดยมีรายได้ 1.999 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 40 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 4 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.085 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 38 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 4
ส่วนธนาคารเวลส์ ฟาร์โก มีกำไรและรายได้ในไตรมาส 4 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยทางธนาคารมีรายได้ 2.158 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 96 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 4 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.245 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1 ดอลลาร์/หุ้น
ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนธ.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2557