ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) โดยพยุงตัวขึ้นจากที่ร่วงลงในช่วงแรกของการซื้อขาย ภายหลังนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ของอังกฤษ ระบุว่าข้อตกลง Brexit ขั้นสุดท้ายจะต้องผ่านการลงมติในรัฐสภา ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลส่วนหนึ่งของนักลงทุนเกี่ยวกับประเด็นที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเด็ดขาดจนส่งผลกระทบที่รุนแรง (hard Brexit)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.55 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 362.42 จุด หลังจากที่ร่วงลงไปถึง 0.7% ก่อนหน้าที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะแถลง
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,859.69 จุด ลดลง 22.49 จุด หรือ -0.46% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,540.00 จุด ลดลง 14.71 จุด หรือ -0.13% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,220.38 จุด ลดลง 106.75 จุด หรือ -1.46%
นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แถลงรายละเอียดสำหรับแผนการของอังกฤษในการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยนางเมย์กล่าวว่า อังกฤษจะถอนตัวออกจากตลาดร่วมยุโรป ขณะที่จะหาทางทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (EU) รวมทั้งยังระบุด้วยว่าจะทำให้อังกฤษกลับมามีอำนาจใช้กฎหมายของประเทศ โดยการถอนตัวออกจากศาลยุติธรรมยุโรป (ECJ) และจะทำให้อังกฤษสามารถควบคุมการเข้าประเทศของชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากยุโรป
นางเมย์จะเริ่มกระบวนการเจรจาข้อตกลง Brexit กับสหภาพยุโรปในช่วงสิ้นเดือนมี.ค. โดยจะใช้เวลา 2 ปี ซึ่งนางเมย์จะใช้หลักการเจรจา 4 ข้อ ได้แก่ ความแน่นอนและความชัดเจน, การทำให้อังกฤษมีความแข็งแกร่งขึ้น, การทำให้อังกฤษมีสภาพที่ดีขึ้น และการทำให้อังกฤษมีความเป็นระดับโลกอย่างแท้จริง
นายกฯอังกฤษกล่าวว่า เธอต้องการให้อังกฤษเป็น "มิตรและเพื่อนบ้านที่ดีที่สุด" ของยุโรปต่อไป แต่ก็จะทำการค้ากับประเทศอื่นๆ อย่าง จีน บราซิล และกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เธอยืนยันว่า ข้อตกลง Brexit ขั้นสุดท้ายจะต้องผ่านการลงมติในรัฐสภา
ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพุ่งขึ้นไปถึงราว 3% หลังจากที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่า ข้อตกลง Brexit ขั้นสุดท้ายจะต้องผ่านการลงมติในรัฐสภา นอกจากนี้ ปอนด์ยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นางเมย์ระบุว่า อังกฤษจะทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (EU) หลังถอนตัวจากตลาดร่วมยุโรป
เงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ตลาดหุ้นอังกฤษดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากที่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นอังกฤษได้ปรับตัวขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง เนื่องจากบริษัทต่างๆที่ทำธุรกิจในต่างประเทศจะมีกำไรมากขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่มีการเปิดเผยวานนี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจของเยอรมนีอยู่ที่ระดับ 16.6 จุดในเดือนม.ค. จากระดับ 13.8 จุดในเดือนธ.ค.
ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเร็วขึ้นแตะ 1.6% ในเดือนธ.ค. จาก 1.2% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2557