ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือนเมื่อวานนี้ (17 ม.ค.) สืบเนื่องจากถ้อยแถลงที่แข็งกร้าวของนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ เกี่ยวกับแผนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของปอนด์เมื่อเทียบกับดอลลาร์
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 106.75 จุด หรือ 1.46% ปิดที่ 7,220.38 จุด
ดัชนีหุ้นอังกฤษร่วงลงอย่างหนัก ภายหลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้แถลงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการ Brexit โดยนางเมย์ยืนยันว่า อังกฤษจะถอนตัวออกจากตลาดร่วมยุโรป แต่ในขณะเดียวกันก็จะหาทางทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (EU) รวมทั้งยังระบุด้วยว่าเธอจะทำให้อังกฤษกลับมามีอำนาจใช้กฎหมายของประเทศ โดยการถอนตัวออกจากศาลยุติธรรมยุโรป (ECJ) และจะทำให้อังกฤษสามารถควบคุมการเข้าประเทศของชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากยุโรป
นางเมย์จะเริ่มกระบวนการเจรจาข้อตกลง Brexit กับสหภาพยุโรปในช่วงสิ้นเดือนมี.ค. โดยจะใช้เวลา 2 ปี ซึ่งนางเมย์จะใช้หลักการเจรจา 4 ข้อ ได้แก่ ความแน่นอนและความชัดเจน, การทำให้อังกฤษมีความแข็งแกร่งขึ้น, การทำให้อังกฤษมีสภาพที่ดีขึ้น และการทำให้อังกฤษมีความเป็นระดับโลกอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังได้รับผลกระทบจากการที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นด้วยปัจจัยบวกหลังจากนางเมย์กล่าวว่า ข้อตกลง Brexit ขั้นสุดท้ายจะต้องผ่านการลงมติในรัฐสภา
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นบาร์เคลย์ส เพิ่มขึ้น 0.2% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ เพิ่มขึ้น 2.5% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นเอชเอสบีซี ลดลง 2%
หุ้นอื่นๆที่น่าจับตา หุ้นโรลส์รอยซ์ โฮลดิ้งส์ ผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน พุ่งขึ้น 4.4% หลังบริษัทเปิดเผยว่า ทางบริษัทจะจ่ายเงินค่าปรับวงเงิน 810 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนในคดีคอรัปชั่นกับสหรัฐ อังกฤษ และหน่วยงานอื่นๆ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษที่มีการเปิดเผยออกมานั้น อังกฤษเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อรายปีพุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. ปี 2557 จากปัจจัยราคาค่าตั๋วเครื่องบินและอาหารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อล่าสุดนี้ยังเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางที่สอดคล้องตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ 2%
ขณะที่นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางของอังกฤษ (BoE) กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เขาคาดว่าราคาที่ปรับตัวขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนในไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะฉุดรั้งเศรษฐกิจของอังกฤษให้ขยายตัวช้าลง