ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีดตัวขึ้นในวันพุธ (18 ม.ค.) หลังแกว่งตัวผันผวนตลอดช่วงการซื้อขาย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทต่างๆ และก่อนที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประชุมนโยบายการเงินในวันนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.65 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 363.07 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,853.40 จุด ลดลง 6.29 จุด หรือ 0.13% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,599.39 จุด เพิ่มขึ้น 59.39 จุด หรือ 0.51% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,247.61 จุด เพิ่มขึ้น 27.23 จุด หรือ 0.38%
ตลาดหุ้นอังกฤษดีดตัวขึ้น หลังจากที่เงินปอนด์ปรับตัวลดลง โดยดัชนีฟุตซี่ได้ร่วงลงไปเกือบ 1.5% วานนี้ ซึ่งเป็นการลดลงหนักที่สุดในรอบประมาณ 6 เดือน เพราะได้รับแรงกดดันจากเงินปอนด์ที่ทะยานขึ้นถึงเกือบ 3% ภายหลังการแถลงรายละเอียดแผน Brexit ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
หุ้นเพียร์สันดิ่ง 29.08% หลังบริษัทผู้ผลิตสื่อการเรียนเตือนว่าอาจเงินปันผลและผลกำไรอาจลดลงในอนาคต เนื่องจากความต้องการที่ซบเซาในสหรัฐ
เอเอสเอ็มแอล โฮลดิงส์ พุ่ง 6.73% หลังบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ชิปสัญชาติดัตช์รายงานผลประกอบการดีเกินคาด
หุ้นโนโวไซมส์ร่วง 4.66% หลังบริษัทผู้ผลิตเอนไซม์ระดับอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดของโลกจากเดนมาร์ก ประกาศเลย์ออฟพนักงาน 198 คนในเดือนม.ค. เพื่อรักษาผลกำไร
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยวานนี้ สำนักงานสถิติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเยอรมนี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2556 และสอดคล้องกับตัวเลขประมาณการเบื้องต้น โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาเชื้อเพลิงและน้ำมัน heating oil ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยก่อนหน้านี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย.
ด้านอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนอยู่ที่ 1.1% เท่ากับรายงานเบื้องต้นเช่นกัน
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีกำหนดประชุมในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ในวงกว้างว่าที่ประชุมจะมีมติคงนโยบาย โดยในการประชุมเดือนธ.ค. ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมทั้งประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 9 เดือน โดยให้สิ้นสุดในเดือนธ.ค.2017 จากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนมี.ค.2017