ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบในการซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ โดยนักลงทุนต่างรอดูผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คืนนี้ตามเวลาไทย และการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน รวมทั้งการเข้ารับพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันศุกร์นี้
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 27,253.34 จุด ลดลง 4.30 จุด, -0.02% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,663.61 จุด ลดลง 1.41 จุด -0.08% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 22,961.99 จุด ลดลง 136.27 จุด, -0.59%
ด้านดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 19,071.30 จุด เพิ่มขึ้น 176.93 จุด, +0.94%
นักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ย และคงวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมวันนี้
อย่างไรก็ดี จุดสนใจของนักลงทุนจะอยู่ที่ว่า มีจำนวนกรรมการ ECB มากน้อยเพียงใดที่ออกเสียงคัดค้านมติดังกล่าว
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในวันนี้ ได้แก่ สุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าใกล้เป้าหมายของธนาคารกลางแล้ว ทั้งในเรื่องของการจ้างงานและราคาเงินเฟ้อ พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจะยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งจะเปิดทางให้เฟดสามารถเริ่มลดระดับการให้การสนับสนุนที่ดำเนินการมาโดยตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาลงได้ นอกจากนี้ ประธานเฟดยังระบุด้วยว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นการปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่คอมมอนเวลธ์ คลับ แคลิฟอร์เนีย ในซานฟรานซิสโก นางเยลเลนคาดว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งไปจนถึงปี 2562 อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดกล่าวว่า เธอไม่สามารถบอกได้ว่า การขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด หรือจะขึ้นในอัตราที่สูงเท่าใด โดยทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับทิศทางสภาวะเศรษฐกิจในเดือนต่อๆไปจากนี้
ข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งเอเชียที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ ออสเตรเลียเผยอัตราว่างงานในเดือนธ.ค. 2559 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.8% จากระดับ 5.7% ในเดือนพ.ย. นับเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์และยังเป็นสถิติที่สูงที่สุดในรอบ 6 เดือน ส่วนอัตราจ้างงานในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 13,500 ตำแหน่ง จากเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ ตำแหน่งงานประจำเพิ่มขึ้น 9,300 ตำแหน่ง ส่วนอัตราจ้างงานแบบพาร์ทไทม์ เพิ่มขึ้น 4,200 ตำแหน่ง