ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่สะท้อนถึงการกีดกันทางการค้า โดยล่าสุดทรัมป์ได้ได้ลงนามถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงการค้าเสรีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (TPP) อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นพลังงานปรับตัวลงด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,799.85 จุด ลดลง 27.40 จุด หรือ -0.14% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,552.94 จุด ลดลง 2.39 จุด หรือ -0.04% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,265.20 จุด ลดลง 6.11 จุด หรือ -0.27%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนมองว่า มาตรการกีดกันทางการค้าของนายทรัมป์อาจจะนำไปสู่สงครามการค้าทั่วโลก โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้น นายทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวานนี้ เพื่อให้สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลง TPP อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งทรัมป์มองว่าการดำเนินการดังกล่าว "ถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับแรงงานชาวสหรัฐ"
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ทรัมป์เตรียมลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อให้สหรัฐทำการเจรจาครั้งใหม่ต่อข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟต้า) กับแคนาดาและเม็กซิโก เพื่อไม่ให้สหรัฐเสียเปรียบในการทำการค้า
ในการกล่าวสุนทรพจน์หลังการสาบานตนรับตำแหน่งในวันศุกร์ ทรัมป์ได้เน้นนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" โดยการตัดสินใจด้านการค้า ภาษี ประเด็นคนเข้าเมือง และกิจการต่างประเทศ จะต้องเอื้อประโยชน์ต่อแรงงานชาวสหรัฐและครอบครัวชาวอเมริกัน
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง ซึ่งส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 1.1% ขณะที่หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.9% โดยสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงนั้น มาจากที่ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น
หุ้นควอลคอมม์ อิงค์ ร่วงลง 13% หลังจากแอปเปิ้ล อิงค์ ยื่นฟ้องควอลคอมม์ ผู้ผลิตและจำหน่ายชิปรายใหญ่ โดยเรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และระบุว่า ควอลคอมม์จงใช้ขัดขวางการแข่งขันทางการค้า จนทำให้เกิดการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมในอุตสาหกรรมผลิตชิปสำหรับโทรศัพท์มือถือ
หุ้นแมคโดนัลด์ปรับตัวลงเกือบ 1% แม้ว่าทางบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 1.44 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.41 ดอลลาร์ ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 6.03 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 5.99 พันล้านดอลลาร์
ส่วนหุ้นแอปเปิ้ล อิงค์ ปิดตลาดดีดตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากมีรายงานว่า ฟ็อกซ์คอนน์ เทคโนโลยี ผู้รับผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน อยู่ในระหว่างการพิจารณาก่อตั้งโรงงานผลิตจอแสดงผลในสหรัฐอเมริกา โดยร่วมมือกับบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ และคาดว่าการสร้างโรงงานดังกล่าวอาจส่งผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 50,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์จากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API)