ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับศาลฎีกาอังกฤษที่วินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่จะขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 361.92 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,830.03 จุด เพิ่มขึ้น 8.62 จุด หรือ +0.18% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,594.94 จุด เพิ่มขึ้น 49.19 จุด หรือ +0.43% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,150.34 จุด ลดลง 0.84 จุด หรือ -0.01%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้น หลังจากศาลฎีกาของอังกฤษได้วินิจฉัยแล้วว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาได้
ทั้งนี้ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยให้รัฐบาลอังกฤษต้องขออนุมัติรัฐสภาก่อนที่จะประกาศใช้มาตรา 50 ด้วยคะแนน 8 เสียง ต่อ 3 เสียง ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าวทำให้รัฐสภามีโอกาสที่จะลดทอนแผนการถอนตัวจากสหภาพยุโรป
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดยุโรปได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากมาร์กิต อิโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของเยอรมนีในเดือนม.ค. ขยับลงสู่ระดับ 54.7 จากระดับ 55.2 ในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นบีที ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ้ในวงการสื่อสารโทรคมนาคมของอังกฤษ ทรุดตัวลงอย่างหนักถึง 21% หลังจากบริษัทปรับลดแนวโน้มผลประกอบการ จากอุปสงค์ที่อ่อนแอในตลาดโลก และเพิ่มตัวเลขความเสียหายจากเหตุอื้อฉาวของบริษัทในเครือในอิตาลีที่ได้ตกแต่งตัวเลขผลประกอบการ