ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในวันนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์สามารถพุ่งขึ้นทะลุระดับ 20,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีหลายฉบับ ซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ณ เวลา 21.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 20,015.09 จุด พุ่งขึ้น 102.38 จุด หรือ 0.51%
หุ้นโบอิ้งช่วยหนุนตลาดมากที่สุดในการซื้อขายในช่วงแรก ขานรับผลประกอบการที่สดใส
บริษัทโบอิ้งรายงานตัวเลขกำไรประจำไตรมาส 4 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวันนี้ แต่รายได้อยู่ในระดับต่ำกว่าคาด
ทั้งนี้ โบอิ้งเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรสุทธิ 1.63 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.59 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.34 ดอลลาร์/หุ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ 2.329 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.345 หมื่นล้านดอลลาร์
บริษัทในกลุ่มดัชนี S&P 500 ส่วนใหญ่รายงานผลประกอบการดีกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ตัวเลขกำไรต่อหุ้นก็ดีกว่าคาดเช่นกัน โดยมีการขยายตัว 6.7%
นอกจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้แล้ว ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ก็สามารถทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี 2 ฉบับเมื่อวานนี้ เพื่อเดินหน้าการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เอ็กซ์แอล และท่อส่งน้ำมันดาโกต้า แอคเซส หลังจากที่การสร้างท่อส่งน้ำมันดังกล่าวประสบความล่าช้าจากการประท้วงของกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ในวันนี้ คาดว่าปธน.ทรัมป์จะลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อคุมเข้มการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน ซึ่งรวมถึงการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้ทะยานขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขานรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์ในการปรับลดภาษี, ผ่อนคลายกฎระเบียบ และการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค