ตลาดหุ้นยุโรปปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้น หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นทะลุแนวต้านที่ระดับ 20,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.3% ปิดที่ 366.59 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2558
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,806.05 จุด เพิ่มขึ้น 211.11 จุด หรือ +1.82% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,877.67 จุด เพิ่มขึ้น 47.64 จุด หรือ +0.99% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,164.43 จุด เพิ่มขึ้น 14.09 จุด หรือ +0.20%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทำสถิติพุ่งขึ้นเหนือระดับ 20,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีหลายฉบับ ซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยรวมถึงการลงนามเพื่อเดินหน้าการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เอ็กซ์แอล และท่อส่งน้ำมันดาโกต้า แอคเซส
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นบังโค ซานตานเดร์ พุ่งขึ้น 4% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส ขณะที่หุ้นโซซิเอเต เจนเนอราล พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นยูนิเครดิต ทะยานขึ้น 8.9% และหุ้นดอยช์แบงก์ พุ่งขึ้น 5.8%
หุ้นโลจิเทค อินเตอร์เนชั่นแนล ทะยานขึ้น 16% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจาก Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงสู่ระดับ 109.8 ในเดือนม.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 111.3
ส่วนดัชนีภาวะธุรกิจในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 116.9 ในเดือนม.ค. สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้