ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (27 ม.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากมีรายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2559 ของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและรอดูการพบปะกันของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แห่งอังกฤษ และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ที่ทำเนียบขาว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,093.78 จุด ลดลง 7.13 จุด หรือ -0.04% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,660.78 จุด เพิ่มขึ้น 5.60 จุด หรือ +0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,294.69 จุด ลดลง 1.99 จุด หรือ -0.09%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการเบื้องต้นของการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 อยู่ที่ระดับ 1.9% โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.2% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการส่งออก และการใช้จ่ายของผู้บริโภค
เมื่อพิจารณาทั้งปี 2016 เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวเพียง 1.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2011 และลดลงจากระดับ 2.6% ในปี 2015
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ร่วงลง 0.4% ในเดือนธ.ค. โดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ดิ่งลงสำหรับเครื่องบิน
หุ้นสตาร์บัคร่วงลง 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำเกินคาดเช่นกัน
หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 1.1% แม้ว่าบริษัทสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นถึง 22% ในไตรมาส 4 แตะที่ระดับ 2.61 หมื่นล้านดอลลาร์ และรายได้สุทธิ 5.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8%
หุ้นอเมริกัน แอร์ ไลน์ ร่วงลง 5.3% ขณะที่หุ้นคอลเกต-ปาล์มโอลีฟ ร่วงลง 5.2% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์
ส่วนหุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขรายได้รายไตรมาส ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 2.607 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 83 เซนต์ ซึ่งเหนือกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะมีรายได้ 2.53 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 79 เซนต์
นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและรอดูการเจรจาการค้าในระหว่างการพบปะกันของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอังกฤษ และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งนางเทเรซา เมย์ ถือเป็นผู้นำจากต่างประเทศคนแรกที่ได้เดินทางเยือนสหรัฐและเข้าพบทรัมป์อย่างเป็นทางการ ภายหลังจากที่ทรัมป์เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ทั้งนี้ คาดว่านอกจากประเด็นการค้าแล้ว ผู้นำทั้ง 2 ประเทศจะหารือกันถึงเรื่องความมั่นคงและความร่วมมือด้านข่าวกรอง ตลอดจนอนาคตขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ด้วยเช่นกัน
นักลงทุนจับตาการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในสัปดาห์นี้ และรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊ก และแอปเปิล อิงค์ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้เช่นกัน