ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงในการซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ ภายหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและนโยบายเศรษฐกิจของผู้นำคนใหม่ของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนต่างรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางสหรัฐ (FED) รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนและสหรัฐในวันพุธและศุกร์ที่จะถึงนี้ด้วยเช่นกัน
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 27,866.80 จุด ลดลง 15.66 จุด, -0.06% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 19,322.78 จุด ลดลง 144.62 จุด, -0.74%
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นในเอเชียหลายตลาดยังคงปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน อาทิ ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง เวียดนาม ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ ยังคงปิดทำการอยู่ในวันนี้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งประกอบไปด้วยอิรัก อิหร่าน ซีเรีย เยเมน โซมาเลีย ซูดาน และลิเบีย เดินทางเข้าสู่สหรัฐเป็นเวลา 90 วัน รวมถึงห้ามผู้ลี้ภัยจากซีเรียเดินทางเข้าประเทศอีกด้วย
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเผยแพร่ในวันนี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนธ.ค. สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากมาตรากระตุ้นเศรษฐกิจโดยการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ
กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นเดือนธ.ค.ขยับขึ้น 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังปรับตัวขึ้น 1.7% ในเดือนพ.ย. ส่วนยอดค้าปลีกตลอดทั้งปี 2559 ลดลง 0.6%
ในวันที่ 1 ก.พ. สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนม.ค
ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีแนวโน้มว่า จะคงนโยบายการเงินไว้ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.นี้ ภายหลังจากที่ได้เพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุการไถ่ถอน 5-10 ปี ในการดำเนินการซื้อพันธบัตรเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมอัตราดอกเบี้ยระยะยาวไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นอีก