ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงแรงในวันนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์รูดลง 150 จุด หลุดระดับ 20,000 จุด ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดของดัชนีดาวโจนส์ในปีนี้
นักลงทุนกังวลว่านโยบายการระงับผู้อพยพเข้าประเทศ และนโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ และเศรษฐกิจของสหรัฐ
ณ เวลา 21.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 19,943.06 จุด ลดลง 150.72 จุด หรือ 0.75%
หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะกลุ่มสื่อสาร และสาธารณูปโภคดีดตัวขึ้น
หุ้นโกลด์แมน แซคส์ร่วงลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อระงับการเข้าสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องชาวอเมริกันจากการก่อการร้าย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ และการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในวันศุกร์
นักวิเคราะห์มองว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ในวันที่ 31 ม.ค. และ 1 ก.พ. ขณะจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมของเฟด และคาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี
"ผมคิดว่าการประชุมเฟดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ตลาดจะจับตามองในสัปดาห์นี้ โดยการประชุมครั้งนี้ คาดว่าแถลงการณ์หลังการประชุมจะค่อนข้างมีความสมดุล เช่นเดียวกับการประชุมคราวที่แล้ว และเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงเดือนมิ.ย." นายลีโอ โกรฮาวสกี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบีเอ็นวาย เมลลอน เวลท์ แมเนจเมนต์ กล่าว
นายโกรฮาวสกีระบุว่า มีโอกาสน้อยที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หรือในเดือนมี.ค. แต่เขาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. และจะปรับขึ้น 2-3 ครั้งในปีนี้
"นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาดูการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้" เขากล่าว
ขณะเดียวกัน นายสตีเฟน สแตนลีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากแอมเฮิร์สต์ เพียร์พอนท์ คาดว่า สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ระดับ 165,000 ตำแหน่งในวันศุกร์นี้ ขณะที่ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงของแรงงานจะเพิ่มขึ้น 0.3%