ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อระงับการเข้าสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม ซึ่งความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มสายการบิน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 362.55 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2559
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,784.64 จุด ลดลง 55.34 จุด หรือ -1.14% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,681.89 จุด ร่วงลง 132.38 จุด หรือ -1.12% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,118.48 จุด ลดลง 66.01 จุด หรือ -0.92%
หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงอย่างหนักหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน
นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้แสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อการตัดสินใจของทรัมป์ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองมองว่า มาตรการดังกล่าวของทรัมป์อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ หุ้นสายการบินแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ดิ่งลง 2.7% หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลน์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ร่วงลง 2.5%
ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจโรงแรมปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเทลส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้บริหารเครือโรงแรมฮอลลิเดย์ อินน์ และคราวน์ พลาซา โฮเทล ร่วงลง 1.8%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ พุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี นับเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในเดือนก.ค. 2556 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรปส่งสัญญาณชะลอการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน