ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 107.04 จุด วิตกนโยบายทรัมป์,ผลประกอบการอ่อนแอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 1, 2017 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) โดยนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งเพื่อระงับการเข้าสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในเดือนม.ค.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,864.09 จุด ร่วงลง 107.04 จุด หรือ -0.54% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,614.79 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.02% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,278.87 จุด ลดลง 2.03 จุด หรือ -0.09%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน

คำสั่งดังกล่าวได้นำไปสู่การต่อต้านเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมถึงกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐที่รวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่จะใช้ในการคัดค้านคำสั่งของทรัมป์ เนื่องจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐจำเป็นต้องอาศัยบุคลากรมากความสามารถจากทั่วโลก ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากบุคลากรของชาติที่ถูกแบนในครั้งนี้ด้วย

นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งให้ปลดนางซัลลี เยตส์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ ออกจากตำแหน่ง หลังจากที่นางเยตส์ได้ปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งของทรัมป์ และยังระบุว่าคำสั่งห้ามพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมผ่านมาเข้าประเทศสหรัฐนั้น ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยบริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ป เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 41 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 4/2559 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 70 เซนต์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ 6.102 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.228 หมื่นล้านดอลลาร์

ทางด้านยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ซึ่งบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่าบริษัทมีรายได้ 1.693 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.63 ดอลลาร์ ในไตรมาส 4/2559 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่ารายได้จะอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ 1.69 ดอลลาร์

ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปิดตลาดร่วงลง 1.1% และหุ้นยูพีเอส ดิ่งลง 6.8%

หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาชั้นนำของสหรัฐ ทรุดฮวบลง 26% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่หุ้นฮาร์เลย์ เดวิดสัน ปรับตัวลง 1.5% เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอเช่นกัน

ส่วนหุ้นไฟเซอร์ อิงค์ ดีดตัวขึ้น 1.34% หลังจากบริษัทสามารถพลิกกลับมากำไรสุทธิ 775 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 หลังจากที่ขาดทุน 172 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปี 2015

นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 111.8 ในเดือนม.ค. หลังจากพุ่งแตะระดับ 113.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะแตะระดับ 113.0 ในเดือนม.ค.

นักลงทุนจับตาการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี

ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ด้านนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นราว 165,000 - 170,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 5%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ