ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) จากปัจจัยที่ค่าเงินปอนด์ทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นได้แรงหนุนบางส่วนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับลงเพียงเล็กน้อย
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 19.33 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 7,099.15 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้มีปัจจัยลบจากการที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ โดยค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.1034% สู่ระดับ 1.2581 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2486 ดอลลาร์ในช่วงเย็นวันจันทร์ หลังจากที่ปรีกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ส่งสัญญาณว่า รัฐบาลใหม่ของทรัมป์จะให้ความสำคัญในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการค้าที่มุ่งปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐ
การที่เงินปอนด์แข็งค่าทำให้นักลงทุนเกิดความวิตก เนื่องจากได้ฉุดผลกำไรในต่างประเทศของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากอานิสงส์การอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอส พุ่ง 1.8% หุ้นเฟรสนิลโล ผู้ผลิตแร่มีค่า พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นแอนโตฟากาสตา พุ่งขึ้น 2.6%
นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสแห่งลอนดอน แคปิตอล กรุ๊ป ระบุว่า "ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนจากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง"
หุ้นกลุ่มพลังงานที่น่าจับตา หุ้นรอยัล ดัชท์ เชลล์ ลดลง 0.4% หลังบริษัทเปิดเผยว่าจะขายสินทรัพย์ส่วนหนึ่งในทะเลเหนือของอังกฤษให้แก่บริษัทไครรเซเออร์รวมมูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์