ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ดีดตัวขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทไทม์ วอร์เนอร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,054.34 จุด ลดลง 35.95 จุด หรือ -0.18% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,682.45 จุด เพิ่มขึ้น 8.23 จุด หรือ +0.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,294.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด หรือ +0.07%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลงหลังจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเงิน โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชสแอนด์โค หุ้นโกลด์แมน แซคส์ และหุ้นวีซ่า ต่างก็ปรับตัวลงถ้วนหน้า
ปัจจัยที่กดดันหุ้นกลุ่มการเงินนั้น มาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นผลมาจากการดีดตัวขึ้นของราคาพันธบัตร ขณะที่นักลงทุนจับตาการประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปี วงเงิน 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันนี้ และการประมูลพันธบัตรอายุ 30 ปี วงเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงข้ามกัน
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนไม่มั่นใจว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ จะสามารถทำงานร่วมกับสภาคองเกรสได้อย่างราบรื่น แม้ว่าทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีให้ทำการทบทวนกฏหมายดอดด์-แฟรงค์ (Dodd-Frank Wall Street Reform and Consumer Protection Act) ซึ่งเป็นกฏหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้กู้วิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต
อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกครั้ง โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้นเฟซบุ๊ก และแอปเปิล
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยบริษัทไทม์ วอร์เนอร์ อิงค์ เปิดเผยรายได้และกำไรในไตรมาส 4 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เพราะได้รับปัจจัยบวกจากความสำเร็จของ Fantastic Beasts and Where to Find Them ซึ่งเป็นภาพยนต์ภาคแยกของตระกูล แฮร์รี่ พอตเตอร์
ทั้งนี้ หุ้นไทม์ วอร์เนอร์ ปิดปรับตัวขึ้น 0.39% หลังจากบริษัทระบุว่ามีกำไร และรายได้ที่ระดับ 1.25 ดอลลาร์/หุ้น และ 7.89 พันล้านดอลลาร์ ตามลำดับในไตรมาส 4 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ทางบริษัทมีกำไร และรายได้ที่ระดับ 1.19 ดอลลาร์/หุ้น และ 7.72 พันล้านดอลาร์
ส่วนหุ้นวอลท์ดีสนีย์ ปิดขยับขึ้น 0.01% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
หุ้นนอร์ดสตรอม ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ปิดพุ่งขึ้น 4.1% หลังจากที่นอร์ดสตรอมได้ประกาศยกเลิกการวางจำหน่ายเสื้อผ้าและเครื่องประดับแบรนด์ "Ivanka Trump" ซึ่งเป็นของบุตรสาวประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะที่ข่าวดังกล่าวได้ส่งผลให้ทรัมป์ทวีตข้อความวิพากษ์วิจารณ์ห้างค้าปลีกรายนี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน