ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) จากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ หลังจากที่ดัชนี FTSE 100 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 24.49 จุด หรือ -0.34% ปิดที่ 7,277.92 จุด
นักวิเคราะห์ด้านการเงินแห่ง Spreadex มองว่า การที่ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลงเมื่อวานนี้ เป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราวเท่านั้น โดยตลาดหุ้นลอนดอนยังไม่ได้เข้าสู่ทิศทางขาลงในระยะนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดิ่งลง 2.2% ขณะที่หุ้นบีพี ร่วงลง 2% โดยทั้ง 2 บริษัทเข้าสู่วันกำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงทั้งกระดาน จากปัจจัยราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวผันผวนระหว่างวัน โดยที่ราคาทองแดงและแร่โลหะอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง
หุ้นแองโกล อเมริกัน ลดลง 1.8% หุ้นอันโตฟากาสต้า ร่วง 2% หุ้นเกลนคอร์ ขยับลง 0.6%
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ที่น่าจับตา หุ้นแอสตราเซเนก้า ขยับลง 0.2% โดยบริษัทเข้าสู่วันกำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อรอจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้น หลังสายการบินแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็มเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานพุ่งขึ้น 35% ในปี 2559 จากอานิสงส์ของราคาน้ำมันที่ร่วงลงเป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิงของสายการบินลดลง โดยหุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ปรับตัวขึ้น 0.6%