ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นยูนิลีเวอร์ หลังจากมีรายงานว่า ยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอควบรวมกิจการกับบริษัทคร๊าฟท์ ไฮน์ซ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า การผลิตในภาคการก่อสร้างของยูโรโซนชะลอตัวลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.09% ปิดที่ 370.22 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,299.96 จุด เพิ่มขึ้น 22.04 จุด หรือ +0.30% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,867.58 จุด ลดลง 31.88 จุด หรือ -0.65% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,757.02 จุด ลดลง 0.22 จุด หรือ 0.00%
หุ้นยูนิลีเวอร์พุ่งขึ้น 13% หลังจากยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอควบรวมกิจการกับบริษัทคร๊าฟท์ ไฮน์ซ
ทั้งนี้ บริษัทยูนิลีเวอร์ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า บริษัทคร๊าฟท์ ไฮน์ซ ได้เสนอที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นของยูนิลีเวอร์ในราคาหุ้นละ 50 ดอลลาร์ ซึ่งจะรวมถึงเงินสดและหลักทรัพย์ โดยข้อเสนอดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่าราคาหุ้นยูนิลีเวอร์ขณะปิดตลาดในวันที่ 16 ก.พ.ราว 18%
อย่างไรก็ดี ยูนิลีเวอร์ระบุว่า ข้อเสนอของคร๊าฟท์ ไฮน์ซ มีมูลค่าต่ำเกินไป และยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ไม่ว่าจะพิจารณาทางด้านการเงิน หรือในด้านยุทธศาสตร์ และบริษัทไม่เห็นเหตุผลที่จะมีการเจรจาต่อไป
หุ้นเอสเซนทรา ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติคและไฟเบอร์รายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 15% เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อหุ้นดังกล่าว แม้ทางบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนก่อนหักภาษีในปี 2559
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า การผลิตในภาคการก่อสร้างของยูโรโซนลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอาคารที่ลดลง 0.5%
ทั้งนี้ ภาคการก่อสร้างร่วงลงมากที่สุดในโรมาเนีย, สโลวาเกีย และบัลกาเรีย ขณะที่ขยายตัวมากที่สุดในสวีเดน, โปแลนด์, สาธารณรัฐเชค และอังกฤษ