ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะอ่อนตัวลงในคืนนี้ ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสสหรัฐในวันพรุ่งนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าวันพุธเวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
ณ เวลา 21.08 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 22 จุด หรือ 0.11% สู่ระดับ 20,765 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 11 วันทำการ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1992
นักวิเคราะห์คาดว่า ปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลในการแถลงต่อสภาคองเกรส
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาจะประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ "ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า" ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า การกล่าวปราศรัยของปธน.ทรัมป์ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 28 ก.พ.จะตรงกับช่วงเวลา 2-3 สัปดาห์ที่เขาได้สัญญาไว้
นอกจากมาตรการปฏิรูปภาษีแล้ว ยังมีการคาดการณ์ว่าปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการยกเลิกกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรม และการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมครั้งใหญ่ในวันดังกล่าวเช่นกัน
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะปรับปรุงแสนยานุภาพในกองทัพสหรัฐ ทั้งในเชิงรุก และเชิงรับ ด้วยการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้กองทัพสหรัฐใหญ่ขึ้น และดีขึ้นกว่าก่อน
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่า เขาอาจกล่าวถึงการปฏิรูปกฎหมายประกันสุขภาพที่เรียกว่า "โอบามาแคร์" ในการแถลงต่อสภาคองเกรส
การกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์ต่อสภาคองเกรสในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการประชุมร่วมระหว่างวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้มีขึ้นตามคำเชิญของนายพอล ไรอัน ประธานรัฐสภาสหรัฐ และจะเป็นการกล่าวแถลงต่อสภาคองเกรสเป็นครั้งแรกของนายทรัมป์ นับตั้งแต่ที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ฟื้นตัวขึ้นในเดือนม.ค. โดยปรับตัวขึ้น 1.8% หลังจากร่วงลง 0.8% ในเดือนธ.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนจะเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนม.ค.
การดีดตัวขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอุปสงค์ในภาคการขนส่ง โดยเฉพาะคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ที่ทะยานขึ้น 69.9%
อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ลดลง 0.4% ในเดือนม.ค. สวนทางตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค.