ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) ด้วยแรงหนุนจากการที่สกุลเงินปอนด์ร่วงลง อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของหุ้นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างบริษัทลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป และไดเร็กต์ ไลน์ อินซัวแรนซ์ ได้ฉุดดัชนี FTSE 100 ลดช่วงบวกลง
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 9.30 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 7,253.00 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ได้แรงหนุนจากการที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง ภายหลังจากหนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทม์ส รายงานว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ เตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรีนิโกลา สเตอร์เจียนของสกอตแลนด์ จัดให้มีการลงประชามติเพื่อขอแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร
ค่าเงินปอนด์ร่วง 0.0804% สู่ระดับต่ำสุดที่ 1.2384 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ จากระดับ 1.2460 ดอลลาร์ที่ตลาดเงินนิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ การที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง ได้หนุนหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ได้ปัจจัยลบมาสกัดจากการที่หุ้นลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป (LSE) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้ข้อมูลตลาดหุ้นและการเงินรายใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 1.1% หลังเกิดความวิตกว่า แผนการควบรวมบริษัทระหว่าง LSE กับ Deutsche Boerse อาจประสบความล้มเหลว หลังจาก LSE เผยว่าไม่ต้องการขายแพลตฟอร์มในอิตาลีเพื่อยุติข้อพิพาทด้านการผูกขาดกลุ่มธุรกิจ
หุ้นไดเร็กต์ ไลน์ อินซัวแรนซ์ บริษัทประกันภัยรถยนต์รายใหญ่ ร่วงลง 7.2% หลังบริษัทเผยว่า ผลกำไรก่อนหักภาษีอาจปรับตัวลดลง หากมีการคำนวณอัตราสินไหมทดแทนสำหรับผู้บาดเจ็บใหม่ตามคำสั่งของศาลอังกฤษ