ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนวิตกต่อการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ณ เวลา 21.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 18 จุด หรือ 0.09% สู่ระดับ 20,939 จุด
ในวันนี้ พรรครีพับลิกันได้เปิดเผยแผนการยกเลิก และทดแทนกฎหมายประกันสุขภาพที่เรียกว่า "โอบามาแคร์" ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตต่างก็โจมตีการดำเนินการดังกล่าว
CME Group FedWatch ระบุว่า ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 86.4% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ก่อนหน้านี้ ตลาดประเมินว่ามีความเป็นไปได้ไม่ถึง 20% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14-15 มี.ค.
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ หากเศรษฐกิจมีการขยายตัวที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปีในเดือนม.ค. ขณะที่การนำเข้าทะยานขึ้นจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น
ทั้งนี้ สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 9.6% ในเดือนม.ค. สู่ระดับ 4.85 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2012 หลังจากที่ขาดดุล 4.43 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.
หากปรับค่าตามเงินเฟ้อ สหรัฐจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.53 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. จากระดับ 6.20 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.
สหรัฐส่งออกสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 1.921 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2014 ขณะที่นำเข้าสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 2.3% สู่ระดับ 2.406 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2014 เช่นกัน
ทั้งนี้ สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้น 12.8% สู่ระดับ 3.13 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ขณะที่ขาดดุลการค้ากับเม็กซิโกลดลง 10.1% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2015