ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกัน 6 วันทำการเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงกันถ้วนหน้า สืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 19.65 จุด หรือ -0.27% ปิดที่ 7,314.96 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อบริษัทพลังงานที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน โดยหุ้นบีพี ร่วง 1.5% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัตช์ เชลล์ ร่วงลง 2%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง สืบเนื่องจากราคาโลหะที่ปรับตัวลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 4.6% และหุ้นเกลนคอร์ ร่วงลง 3.7%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้ส่งสัญญาณด้วยว่า ECB จะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป เนื่องจากแรงหนุนเงินเฟ้อในยูโรโซนยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. ก่อนที่จะปรับลดสู่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่เดือนเม.ย.-ธ.ค.
หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ขยับขึ้น 0.9% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ขยับขึ้น 0.4% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลดลง 1.3%