ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มสายการบิน หลังจากสายการบินต่างๆได้ยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก อันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุหิมะ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า สมาชิกของกลุ่มโอเปกหลายรายยังคงผลิตน้ำมันเกินกว่าโควตาที่กำหนด นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,837.37 จุด ลดลง 44.11 จุด หรือ -0.21% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,856.82 จุด ลดลง 18.96 จุด หรือ -0.32% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,365.45 จุด ลดลง 8.02 จุด หรือ -0.34%
หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงอย่างหนัก หลังจากที่สายการบินต่างๆได้ยกเลิกเที่ยวบินรวมกันมากกว่า 6,000 เที่ยว ท่ามกลางพายุหิมะที่กำลังพัดถล่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ โดยหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 4.7% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ร่วงลง 2.7% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 2.26% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ปรับตัวลง 3%
ทั้งนี้ อิทธิพลของพายุหิมะในสหรัฐยังส่งผลให้การพบปะระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้ถูกเลื่อนออกไป ขณะที่สำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ในนครนิวยอร์กต้องปิดทำการเมื่อวานนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด จะยังคงจัดการประชุมกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 14-15 มี.ค.ตามกำหนด แม้กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นที่ตั้งอาคารสำนักงานของเฟดกำลังเผชิญกับพายุหิมะ เช่นเดียวกับฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ จนส่งผลกระทบต่อการเดินทางก็ตาม
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า สมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) หลายรายยังคงผลิตน้ำมันเกินกว่าโควตาที่กำหนด โดยหุ้นมาราธอน ออยล์ ร่วงลง 3.3% หุ้นทรานส์โอเชียน ร่วงลง 1.6% ขณะที่หุ้นกองทุน ETF กลุ่มพลังงานของสหรัฐ ปรับตัวลงติดต่อกัน 7 วันทำการ
หุ้นเมซีส์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.2% หลังจากมีรายงานว่า ฮัดสันส์ เบย์ ห้างค้าปลีกของแคนาดาซึ่งเคยเสนอซื้อกิจการเมซีส์นั้น ได้หันไปยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ Neiman Marcus ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าระดับหรูของสหรัฐ
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพปิดทรงตัวเป็นส่วนใหญ่ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ซึ่งพรรครีพับลิกันเสนอให้นำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพ "Affordable Care Act (ACA)" หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "โอบามาแคร์" นั้น จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฃ
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14-15 มี.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 91% ก่อนการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์
นอกเหนือจากการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังจับตาเหตุการณ์อื่นๆที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง การเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์ในวันนี้, การประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันพุธและพฤหัสบดี รวมทั้งการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่ม G20 ในวันศุกร์และเสาร์นี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ตลาดจับตาในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนก.พ., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเดือนม.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน