ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้
ณ เวลา 20.46 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 20,881.21 จุด เพิ่มขึ้น 43.84 จุด หรือ 0.21%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันนี้ หลังการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลง และรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่ระบุว่าการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะส่งผลให้ตลาดน้ำมันเกิดภาวะตึงตัว
ณ เวลา 19.25 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 2.16% สู่ระดับ 48.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงสู่ระดับ 529.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันจะเพิ่มขึ้น
IEA ออกรายงานในวันนี้ ระบุว่า หากโอเปกยังคงลดกำลังการผลิตต่อไป จะส่งผลให้ตลาดเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมัน 500,000 บาร์เรล/วันในช่วงครึ่งปีแรกนี้
นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน และครั้งที่ 3 ในรอบ 10 ปี
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการแถลงข่าวของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด หลังการประชุม เพื่อดูสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้
นายเจคอบ เฟรนเกล ประธานเจพีมอร์แกน เชส อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3-4 ครั้งในปีนี้
นายเฟรนเกลกล่าวว่า ขณะนี้ปัจจัยสภาวะทางเศรษฐกิจแต่ละอย่างที่เฟดได้กำหนดขึ้นสำหรับเป็นเงื่อนไขในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจแล้ว
"กิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับต่ำมาก และอัตราเงินเฟ้อก็กำลังเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2%" เขากล่าว
นายเฟรนเกลมองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่อาจเกิดขึ้นในวันนี้ จะเป็นเพียงก้าวแรกของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ยังคงอยู่ห่างไกลจากระดับอัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่เหมาะสม
"ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ใกล้ 0% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยปกติควรอยู่ที่ราว 3% ดังนั้น เฟดจึงจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป" เขากล่าว