ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จากอานิสงส์ของการที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่า โดยแรงบวกดังกล่าวได้สกัดปัจจัยลบจากการที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเป็นอย่างมาก ภายหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เมื่อวานนี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 47.31 จุด หรือ +0.64% ปิดที่ 7,415.95 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ซึ่งพุ่งขึ้น 8.6% หลังบริษัทวอลแคน อินเวสต์เมนต์ เผยว่าจะซื้อหุ้นในแองโกล อเมริกัน 12% ซึ่งจะทำให้วอลแคนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 ของบริษัทเหมืองยักษ์ใหญ่ดังกล่าว
หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส พุ่ง 3.2% หุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 3.9% หุ้นแอนโตฟากาสตา พุ่งขึ้น 4.7% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 2.6% หุ้นเกลนคอร์ พุ่ง 5% และหุ้นริโอ ตินโต เพิ่มขึ้น 3.2%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ยังรับปัจจัยจากผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งมีมติเห็นพ้องให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ BoE ยังมีมติให้คงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์
หลัง BoE ออกแถลงการณ์ผลการประชุม สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.47% สู่ระดับ 1.2349 ดอลลาร์ และแข็งค่า 0.62% สู่ระดับ 0.8676 ยูโร ณ เวลา 19.31 น.เมื่อวานนี้ตามเวลาไทย