ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงในการซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐที่ยังไม่มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมในแง่ของการปรับลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆตามที่ได้ให้คำมั่นไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในวันนี้
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 29,341.41 จุด ลดลง 144.04 จุด, -0.49% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,251.14 จุด ลดลง 341.98 จุด, -1.39% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,739.59 จุด ลดลง 15.08 จุด -0.86%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งเอเชียที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้า 8.134 แสนล้านเยน (7.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี อันเนื่องมาจากการส่งออกไปยังจีนเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
รายงานระบุว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ.ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 11.3% สู่ระดับ 6.35 ล้านล้านเยน ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ไปยังประเทศจีน และยอดส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกไปยังฮ่องกง
ส่วนความเคลื่อนไหวด้านการเมืองในวันนี้นั้น กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนวุธในวันนี้ แต่ประสบความล้มเหลว
สำนักข่าวยอนฮัพรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของกองทัพระบุว่า เกาหลีใต้และสหรัฐรับทราบเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้องนี้แล้ว โดยแถลงการณ์ดังกล่าวได้มีการเปิดเผยภายหลังจากที่มีรายงานว่า เกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธหลายครั้งเมื่อเวลาประมาณ 7.00 น.จากเมืองวอนซาน ซึ่งอยู่บริเวณชายฝั่งตะวันออกของประเทศ
ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการลงมติร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ซึ่งพรรครีพับลิกันได้เสนอให้นำมาบังคับใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพ "Affordable Care Act (ACA)" หรือ "โอบามาแคร์" โดยรัฐสภาสหรัฐจะลงมติร่างกฎหมายดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ
ด้านทำเนียบขาวได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า สภาผู้แทนราษฎรจะผ่านร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพฤหัสบดีนี้ ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นโดยเฟดสาขาชิคาโก ภายใต้หัวข้อ "Strong Foundations: The Economic Futures of Kids and Communities" เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในปีนี้ หลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.75-1.00% ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมาin a commentary.