ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) ด้วยแรงหนุนจากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงจากแรงกดดันหลังรัฐบาลอังกฤษได้ประกาศมาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนเพื่อเริ่มกระบวนการเจรจาแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 30.30 จุด หรือ +0.41% ปิดที่ 7,373.72 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ได้แรงหนุนจากการที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง ภายหลังจากที่นายทิม บาร์โรว์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำสหภาพยุโรป ได้ยื่นหนังสือแจ้งความจำนงในการประกาศใช้มาตรา 50 ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ให้กับนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
หุ้นลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 2.7% หลังหน่วยงานป้องกันการผูกขาดของสหหภาพยุโรปได้ขัดขวางแผนการควบรวมกิจการกับ Deutsche Boerse ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต วงเงิน 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 2.7% หลังบริษัทเปิดเผยว่ากำลังพิจารณาแผนลงทุนในธุรกิจแร่เหล็กในออสเตรเลีย ขณะที่หุ้นเกลนคอร์ ขยับขึ้น 0.5% หลังบริษัทเผยว่า เหมืองถ่านหินในออสเตรเลียไม่ได้รับความเสียหายจากพายุไซโคลนเด็บบี
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น ธนาคารกลางของอังกฤษ (BoE) รายงานว่า ยอดกู้ยืมเพื่อการบริโภคในอังกฤษพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนก.พ. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคครัวเรือนในประเทศยังคงมีการก่อหนี้เพื่อจับจ่ายในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว