ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนซึมซับรายงานตัวเลขจ้างงานสหรัฐและข่าวสหรัฐยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย ในขณะที่ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวน
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 381.26 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,135.28 จุด เพิ่มขึ้น 13.84 จุด หรือ +0.27% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,225.06 จุด ลดลง 5.83 จุด หรือ -0.05% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,349.37 จุด เพิ่มขึ้น 46.17 จุด หรือ +0.63%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในการซื้อขายช่วงแรก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้กองทัพสหรัฐยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์คถล่มซีเรียวานนี้ เพื่อตอบโต้นายบาชาร์ อัล อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย ที่ใช้อาวุธเคมีร้ายแรง จนเป็นเหตุให้ประชาชนชาวซีเรียเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในเวลาต่อมาเนื่องจากนักลงทุนเริ่มซึมซับข่าวดังกล่าว ประกอบในเวลาต่อมากระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐที่ไม่ได้สอดคล้องไปในทางเดียวกัน โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 98,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 219,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. แต่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2007
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.7%
ตลาดหุ้นยุโรปให้ความสนใจข่าวรถบรรทุกพุ่งชนห้างสรรพสินค้ากลางกรุงสต็อกโฮล์มวานนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาค กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนก.พ. ขยายตัว 2.2% จากเดือนก่อนหน้า สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะหดตัวลง 0.3% ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีเริ่มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสแรกปีนี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศส (Insee) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส หดตัวลง 1.6% ในเดือนก.พ. เทียบกับเดือนก่อนหน้า และตรงกันข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะขยายตัวขึ้น 0.5% ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวลงของการกลั่นน้ำมันและอุตสาหกรรมอาหาร
ตลอดสัปดาห์นี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.03%